สิ่งปนเปื้อนในแววตา

เรื่องสั้นเรื่อง ‘สิ่งปนเปื้อนในแววตา‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕


งานมอเตอร์โชว์วันแรก

ผู้คนแห่แหนเข้าชมงานตั้งแต่เช้า ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย เพราะผู้ชายกับรถเป็นของคู่กัน แต่เจตนาของผู้ชายหลายคนที่เข้าชมงานไม่ได้มาเพื่อชมรถ ในมือหลายคนมีกล้องบ้าง โทรศัพท์มือถือบ้าง นั่งบ้างยืนบ้าง ถ่ายรูปพริตตี้จนน้ำลายแทบไหลย้อย ตาเยิ้มฉ่ำราวกำลังดูหนังเรตอาร์ บางคนเป้าตุงจนเห็นได้ชัด พริตตี้สมัยนี้หน้าตาดูดีขึ้น มีการศึกษาขึ้น และเอ๊กซ์ขึ้น ทั้งการแต่งกายก็ยั่วยวนและวาบหวามขึ้น หลายคนที่ตั้งใจมาเพื่อชมรถบ้างมีเขว บ้างไม่กล้าเข้าใกล้รถต้องหลีกทางให้พริตตี้โพสต์ท่าคู่รถ ซึ่งตากล้องทั้งหลายส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจถ่ายรถนัก รูปที่ออกมาแต่ละภาพทั้งเก็บไว้ดูเอง โพสต์ขึ้นเว็บ ลงนิตยสาร มีแต่รูปพริตตี้แล้วมีรถเป็นฉากหลัง เมื่องานดำเนินไปหลายวันจึงค่อยมีรูปโผล่ตามสื่อเพิ่มมากขึ้น

พิม หนึ่งในพริตตี้ดาวรุ่ง กำลังยืนโพสต์ท่ายั่วเย้า เล่นสายตากับตากล้องหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่

พวกมึงอยากดูนักก็ดูไป อยากถ่ายนักก็ถ่ายไป ลามกจกเปรต คิดว่าทำบุญทำทานให้ก็แล้วกัน ของฟรีๆ แบบนี้แห่กันมาซะเยอะเชียว ตาหยาดเยิ้ม ลิ้นห้อย น้ำลายไหลย้อยกันเชียว นั่น…ไอ้บ้ากามนั่นถ่ายมุมเงยพยายามจะถ่ายใต้กระโปรงกูให้ได้ เห็นพยายามมาหลายนาที ไม่อับอายชาวบ้านชาวช่องเขาเสียบ้าง อะ… ได้ มึงอยากดูนักใช่ไหม หนึ่ง สอง สาม… อ้ะ มึงเห็นสมใจหรือยัง ปรับโฟกัสแล้วถ่ายช็อตเมื่อครู่ทันไหม ถ้ายังเดี๋ยวกูอ้าให้อีกที เอาให้เลือดกำเดามึงพุ่งกระฉูดเลย นี่ถ้ากูแบะอกฉีกขาให้เห็นมากกว่านี้ พวกมึงคงทิ้งกล้องแล้วยืนช่วยตัวเองตรงนี้กันเลยกระมัง

เธอสังเกตเห็นแววตาของทุกคนในงาน ทั้งผู้เข้าชมงานทั้งชายและหญิง พริตตี้คนอื่นๆ พนักงานขาย และผู้บริหาร ล้วนมีแววตาขุ่นมัว เหมือนมีม่านขุ่นบางๆ เคลือบอยู่ บางคนมีหนอนขนาดเล็กสีดำขนาดเล็กกว่าเส้นผม ขดขยับไปมาอยู่หลังม่านขุ่นนั้น

อ่านเพิ่มเติม

มหาสมุทรสู่ทะเล

เรื่องสั้นเรื่อง ‘มหาสมุทรสู่ทะเล‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕


เรือทัวร์ดำน้ำลอยลำทางทิศตะวันตกของเกาะตาชัยตอนบ่ายแก่ มหาสมุทรหลงทางมาทัวร์ดำน้ำทริปสิมิลันเหนือ เพื่อหลบหนีบางสิ่งและเพื่อค้นหาบางอย่าง ขณะนั่งฟังบรี๊ฟแผนดำน้ำ เขาตาลอยออกไปกับระลอกคลื่นสะท้อนแสงอาทิตย์ ประกายระยิบระยับกำลังร่ายมนต์สะกดจิต ใจลอยตามออกไปเกือบถึงขอบน้ำ เนิ่นนานจนเริ่มแสบตา หูปิดสนิทตั้งแต่ใจลอยไปถึงกลางทาง แดดร้อนต้นฤดูหนาวไม่ได้ร้อนน้อยไปกว่าฤดูใดในสิมิลัน ไดฟ์นี้เป็นไดฟ์ที่สามของวันนี้ หลังไดฟ์ลีดเดอร์บรี๊ฟเสร็จนักท่องเที่ยวเริ่มลงไปเปลี่ยนชุดดำน้ำ ก่อนทะยอยโดดลงน้ำ ลอยคอนัดแนะกับคู่บั๊ดดี้เรียบร้อย ก็ปล่อยลมจากเสื้อบีซีดีก่อนทิ้งตัวลงสู่ใต้น้ำกันไปทีละคู่

เกาะตาชัยอยู่ทางทิศเหนือของหมู่เกาะสิมิลัน อยู่ห่างจากท่าเทียบเรือหาดป่าตองจังหวัดภูเก็ตกว่าเจ็ดสิบกิโลเมตร มหาสมุทรนั่งรถทัวร์จากขนส่งสายใต้ที่กรุงเทพฯ ตอนค่ำเมื่อสองวันก่อน ถึงท่ารถทัวร์ภูเก็ตเช้ามืด เขาลากกระเป๋าใบยักษ์เพียบด้วยอุปกรณ์ดำน้ำและเสื้อผ้าไปฝากไว้ที่สำนักงานบริษัทรถทัวร์ที่นั่งมา ก่อนนั่งรถสองแถวออกไปทานติ่มซำเจ้าประจำในตัวเมือง เขาไม่ได้หิว แต่สามัญสำนึกชักจูงไปโดยไม่รอการตรองของสมองสักนิด

อ่านเพิ่มเติม

โฆษณาชวนเชื่อ…อยากมีรายได้เดือนละแสนไหม?

เรื่องสั้นเรื่อง ‘โฆษณาชวนเชื่อ…อยากมีรายได้เดือนละแสนไหม?‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕


วันนี้ผมได้รับเชิญมาบรรยายให้กับนักศึกษาปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่กำลังจะจบการศึกษา ผมตั้งชื่อหัวข้อบรรยายว่า ‘โฆษณาชวนเชื่อ…อยากมีรายได้เดือนละแสนไหม?’ อาจารย์ผู้ประสานงานทำท่าตกใจระคนแปลกใจ ผมอธิบายเหตุผลให้ฟังชั่วครู่แกจึงเข้าใจ การบรรยายครั้งนี้ผมเปลี่ยนมาพูดเกี่ยวกับแนวทางในการเอาชีวิตรอด โดยเฉพาะภายหลังจบการศึกษา ผมจะหยิบเรื่องเงินๆ ทองๆ มาพูดในเชิงเสียดสี โดยจะกล่าวถึง ‘รายได้’ ในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้ผู้ฟังจับประเด็นจากการรับฟังให้ได้ ว่าแท้แล้วผมต้องการให้พวกเขาสร้างอะไรก่อนและหลังจบการศึกษา?…

ย้อนหลังกลับไปเมื่อช่วง พ.ศ. 2543 – 2545

ผมต้องสอบวัดความสามารถด้านไอทีเพื่อให้ได้ประกาศนียบัตรอย่างน้อยปีละหนึ่งใบ ผมทำอยู่สี่ปีติดกัน ตอนนี้เลิกทำแล้ว เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม! นอกจากนี้ผมยังทำงานประจำกินเงินเดือน ทุกวันอังคารและพฤหัสบดีผมต้องไปสอนหนังสือให้กับพนักงานบริษัทไอทีแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิทตอนหนึ่งทุ่มถึงสามทุ่ม ทุกวันเมื่อกลับถึงบ้านผมมีโครงการพัฒนาระบบไอทีต้องทำอย่างน้อยวันละสองงานก่อนนอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน ‘ไซด์ไลน์’ นั่งทำงานไปก็จิบไฮเนเก้นเย็นๆ สักสองขวดเล็กต่อวันให้เพลินๆ ผมเข้านอนอย่างเร็วคือตีสอง อย่างช้าคือตีสี่ ต้องตื่นเจ็ดโมงครึ่งไปทำงานประจำ

ช่วงว่างๆ ผมมักแอบเข้าไปนั่งอ่านหนังสือฝึกวิทยายุทธในห้องสมุดของที่ทำงานประจำ ทุกวันเสาร์แรกและเสาร์ที่สามของเดือนต้องไปช่วยเจ้านายเก่าแก้และเขียนโปรแกรมของเขาที่พัทยา บางช่วงต้องบินไปภูเก็ตเดือนละครั้ง ไปสอนหนังสือและเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทที่เพื่อนทำงานอยู่ ทุกเดือนมีงานสอนหนังสือและงานบรรยายอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ครั้งละสามถึงห้าวัน บางช่วงก็มีงานสอนหนังสือวันเสาร์ติดกันสองถึงสามเสาร์ พอตกคืนวันเสาร์ผมมักจะเมาหัวราน้ำกับเพื่อนๆ กลับบ้านกันเกือบเช้า บ่ายวันอาทิตย์ผมมักออกไปเที่ยวกับแฟนที่ปัจจุบันกลายเป็นแม่ของลูก หรือบางทีก็ออกไปทานข้าวกับครอบครัว บางช่วงผมมีงานออกแบบกราฟฟิกและออกแบบเว็บมาให้ทำ

ในช่วงเกือบสามปีนั้นผมเรียนหลักสูตรระยะสั้นเพิ่มเติม วิชาละสองถึงสามวัน เรียนอยู่หลายวิชาและหลายด้าน รวมๆ กันแล้วหมดไปกว่าสามแสนบาท โดยไม่ได้ปริญญา บางวิชาไม่มีแม้ใบประกาศนียบัตรแจกด้วยซ้ำ ผมสั่งซื้อหนังสือไอทีจากต่างประเทศมากมายหมดไปหลายหมื่นบาทในช่วงนั้น ผมอ่านทั้งเรื่องไอที เรื่องสั้น นิยาย ปรัชญา ท่องเที่ยว ดำน้ำ กล้อง กีฬา ดนตรี บริหารธุรกิจ การตลาด ฯลฯ ไม่ได้ถูกบังคับให้อ่าน แต่ผมชอบอ่านและผมชอบหัดทำ…

นับเป็นช่วงเวลาที่ได้ทั้งความรู้, ใบประกาศนียบัตร, ประสบการณ์, รายได้, คอนเน็กชั่น หลังจากเกือบสามปีนั้น ผมก็เลิกใช้ชีวิตการทำงานโลดโผนแบบนั้น เพราะร่างกายไปไม่ไหว ได้นอนวันละไม่กี่ชั่วโมง ทำงานสัปดาห์ละหกวัน เป็นงานที่เหนื่อยทั้งกายและสมอง จากนั้นจึงกลับมาเริ่มต้นทำงานแบบสบายๆ แต่ยังคงบ้าอ่านหนังสือ หัดทำอะไรต่อมิอะไรอยู่เรื่อยๆ ผมอยู่เฉยไม่เป็น บางครั้งผมคิดงานออกหรือมีไอเดียดีๆ ตอนฝันด้วยซ้ำ ผมรับงานมาทำลับมืออยู่เรื่อยๆ เรื่องรายได้หลังพ้นช่วงเกือบสามปีนั้นน่ะหรือ? ขึ้นกับว่าโลภมากหรือโลภน้อย…

อ่านเพิ่มเติม

จะกลับมารับ

เรื่องสั้นเรื่อง ‘จะกลับมารับ‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๑๙ เมษายน ๒๕๕๕


ลมจากเครื่องปรับอากาศโชยเอากลิ่นหอมเดินทางมาถึง ก่อนพนักงานยกบะหมี่ชามเท่ากะละมังซักผ้ามาวางตรงหน้า เส้นหมี่สีเหลืองนวลอ้วนกลมเท่านิ้วโป้ง ความยาวน่าจะพันรอบ…

ไปก่อนนะ… ฝากบ้านด้วย… ไปก่อน… ก่อนนะ… ฝากบ้านด้วย… ไปก่…

เส้นหมี่สีเหลืองนวลอ้วนกลมเท่านิ้วโป้ง ความยาวน่าจะพันรอบตัวฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า กลิ่นน้ำซุปกระดูกหมูผ่านการเคี่ยวกรำแรมปี กลิ่นเกลือรสเยี่ยมจ…

จะกลับมารับนะ… กลับมารับ… มารับ… รั…

กลิ่นเกลือรสเยี่ยมจากมหาสมุทรแสนไกลเจือเคล้า หมูชาชูแผ่นเท่าหนังกลอง มันเยิ้มแทรกตัวหลายชั้น ดูก็รู้ว่าถ้าเข้าปากจะนุ่มชุ่มลิ้นเพียงใด ไข่ต้มฝานผ่าครึ่งใส่มาแค่ครึ่งใบ แต่ใบใหญ่เท่าไข่นกกระจอกเทศ ไข่แดงสีส้มแดง สีส้มแดง… ใหญ่มาก… ใหญ่ขึ้นเต็มชาม… ล้นชาม…

“น้องๆ ได้รับถุงยังชีพหรือยัง?”

“อ่า… ยาง… ค่า…”

“เดี๋ยวพี่โยนไปตรงหลังคาตรงโน้นให้นะ หนักหน่อยมีข้าวสารด้วย เดี๋ยวน้องค่อยๆ เดินลงไปหยิบนะ โชคดีๆ สู้ๆ เอ้าไปต่อได้”

ตะวันกำลังหย่อนดวงลงที่ปลายฟ้า ขอบน้ำ และทิวตึก สีส้มแดงกลมโตเท่าไข่นกกระจอกเทศในระยะปลายนิ้วยื่นสุดแขน แสงสีทองอาบผิวจนเกรียมไม่รู้ตัว ถุงยังชีพอยู่ตรงนั้น ห่างไม่ถึงสิบก้าว แต่ดูราวไกลสุดลูกหูลูกตา ช่างไม่ดึงดูดใจให้อยากเขยื้อนตะเกียกตะกายไปหาเอาเสียเลย

หันกลับมาประจันหน้ากับก้อนไฟค่อนดวง สายตาว่างเปล่าทอดยาวไกล ต้นไม้หลายบ้านเหี่ยวเฉา บ้างยืนต้นตายใบแห้งกรอบ ลมเอื่อยโชยอ้อยอิ่ง พัดใบไม้แห้งร่วงกราว

ครืด…

หันกลับไปมองเจ้าถุงใบนั้น มันกำลังจะหล่น!

อ่านเพิ่มเติม

เรียลลิตี้

เรื่องสั้นเรื่อง ‘เรียลลิตี้‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕


ค่ำวันหนึ่งที่บนฟ้าไร้เมฆ เดือนดาวเจิดจรัสสุกสกาว ประพรมทั่วผืนฟ้ากำมะหยี่สีดำ

พ่อลูกคู่หนึ่งกำลังนั่งคุยหยอกเย้าขณะทานมื้อค่ำที่บ้าน

“ทำไมวันนี้พ่อไม่ออกไปข้างนอกล่ะครับ?” ลูกชายถามขณะแกะกุ้งแม่น้ำย่างแล้วตักใส่จานพ่อ

“วันนี้ไม่มีนัดกับลูกค้า เลยอยู่บ้านทำสวนดีกว่า ต้นไม้เริ่มรกไม่ได้ตัดแต่งกิ่งใบและเก็บเศษใบไม้แห้งเสียนาน” พ่อตอบยิ้มแย้มพลางตักน้ำปลาหวานราดบนกุ้งย่างบนจานคลุกข้าวป้อนเข้าปาก

“แล้ววันนี้ต่อเรียนวิชาอะไรบ้างล่ะ ให้พ่อทายนะ อืม… วันนี้วันพุธต้องมีเรียนเลขด้วยแน่ๆ ใช่ไหม?”

“ใช่ครับ แต่ก็เรียนหลายวิชานะ นอกจากเลขก็มีฟิสิกส์ สังคม แล้วก็พละ”

“เรียนเลขถึงไหนแล้วล่ะต่อ”

“เรียนเกี่ยวกับกราฟน่ะครับ มีทั้งแบบเส้นตรง พาราโบลา ไฮเปอโบลา และอีกเพียบ”

พ่อนั่งอมยิ้ม แล้วแหย่ถาม

“แล้วรู้ไหมว่าไอ้ที่เรียนน่ะ จะเอาไปใช้ทำอะไรตอนโตได้มั่ง? อย่างเช่นใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ในหน้าที่การงาน”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่เรียนเลขมายังไม่เคยรู้เลยว่าเรียนไปทำไม แต่ละเรื่องมันจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง รู้แค่ว่าเรียนไปเพื่อสอบ ฮ่าๆๆ” ต่อหัวเราะร่วน แล้วพ่อก็หัวเราะร่าเสียงดัง

“การศึกษาบ้านเรามันก็ยังเงี้ยะ ครูและหลักสูตรไม่เคยบอกนักเรียนว่าไอ้ความรู้เหล่านั้นเรียนไปเพื่ออะไร จบมาก็เอาไปประยุกต์ไม่เป็น แล้วความรู้มันก็เลือนหายไปกับกาลเวลา รู้ไหมต่อ กราฟน่ะมีประโยชน์และมีความสำคัญมากนะกับทั้งชีวิตประจำวันและในการทำงานในหลายสาขาอาชีพ”

ต่อสงสัยจึงถามกลับและให้พ่อยกตัวอย่างง่ายๆ ให้ฟัง

อ่านเพิ่มเติม

การสื่อสารระหว่างโลกสองใบ

เรื่องสั้นเรื่อง ‘การสื่อสารระหว่างโลกสองใบ‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕


“สบายดีไหม?”

“สบายดีครับ”

“ทานข้าวเช้าหรือยัง?”

“ทานแล้วครับ”

“คืนที่ผ่านๆ มา เป็นอย่างไรบ้าง? ยุงเยอะไหม? นอนหลับสนิทหรือเปล่า?”

“นอนไม่ค่อยหลับ มาหลับเอาใกล้เช้าหลายคืนแล้ว เดี๋ยวคงชิน”

“ทำใจให้สบาย เรื่องที่ผ่านมาก็ให้ผ่านไป นะ”

“ครับ”

ก่อนโลกปริแยก

เช้าวันจันทร์อากาศโปร่ง ดวงอาทิตย์ลูกกลมแดงยังไม่โผล่พ้นยอดไม้ ลอดมาแต่แสงที่ยังไม่สร้างความร้อนนัก เสียงนกร้องจิ๊บๆ ระงม เสียงกระพือปีกผั่บๆ กระรอกน้อยหางสีขาวและหางสีน้ำตาลแดงสองตัววิ่งไล่กัน ก่อนไต่สายไฟข้ามไปยังต้นไม้อีกฝั่ง ทางเดินเลียบคลองมีทั้งชาวบ้านออกมารอใส่บาตรพระ และบ้างกำลังเดินไปจ่ายตลาดเช้าข้างสนามฟุตบอลหลังวัด เด็กหลายคนกำลังเดินไปโรงเรียน

ชายสองคนกำลังวิ่งไล่ชายอีกสองคนมาถึงทางเดินเลียบคลอง ชนคนกำลังใส่บาตรเซถลา ชนคนถือถุงกับข้าวและผักสดพะรุงพะรังหล่นเกลื่อนพื้น และชนเด็กนักเรียนล้มลงหัวกระแทกบาตรพระ

ชายสองคนแรกเป็นผู้ค้ายาเสพติด

ชายสองคนหลังเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด

ชายสองคนหลังมีพวกอีกสิบกว่าคนล้อมดักทุกทางไว้หมดแล้ว

หนึ่งในชายสองคนแรกควักปืนยิงใส่คนวิ่งไล่

หนึ่งในสองคนหลังหลบทัน กระสุนพุ่งเข้าไปตุงขมับเด็กที่กำลังพยุงเพื่อนที่เพิ่งถูกชนล้ม ร่างเซล้มไปพิงพระ

หนึ่งในพรรคพวกชายคนวิ่งไล่ควักปืนยิงใส่หมายจะให้หยุด แต่บังเอิญกระสุนเจาะเข้ากลางหน้าผากของชายที่เพิ่งฆ่าเด็กไปไม่ถึงห้าวินาที ดับกลางอากาศเซตกคลองจมลงไป

หนึ่งในชายสองคนแรกหยุดหันมาดูเพื่อนก่อนขาสั่นยกมือขึ้นเหนือหัว ตะโกนใส่กลุ่มชายที่ดักด้านหน้า “ผมไม่มีอาวุธ”

อ่านเพิ่มเติม

เมื่อผ่านสิ่งที่เปลี่ยนยากที่สุดมาได้

เรื่องสั้นเรื่อง ‘เมื่อผ่านสิ่งที่เปลี่ยนยากที่สุดมาได้‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕


วันหนึ่งเมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้ว

ผมกำลังนอนสะลึมสะลือดูโทรทัศน์อยู่บนพื้นห้องนอน

ภรรยาเปิดประตูห้องเข้ามาถาม “ตัวเอง จะทานอะไร? จะออกไปซื้อข้าว ร้านตามสั่ง”

“ข้าวกะเพราเนื้อไข่ดาว” เมนูสิ้นคิดของผม ผมแหงนดูนาฬิกาบนฝาผนังเหนือประตู ‘จะบ่ายสามแล้ว วันนี้ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนี่นา?’

ภรรยาตวาดกลับมา “ไม่ต้องใส่ไข่เลย เปลือง! ไปหยิบไข่ในตู้เย็นทอดเองเลย”

ผมหัวเราะ “แค่ไข่เนี่ยนะ?”

“ใช่! รู้มั้ยไข่ดาวฟองละกี่บาท เงินก็ไม่ค่อยมีอยู่ละ กินอะไรให้มันประหยัดๆ หน่อย!” แววตาเธอดูอารมณ์ดี แต่เสียงหนักแน่นจริงจัง จนผมต้องยอมล่าถอยด้วยการลดอ็อปชั่นลง

ทุกรายละเอียดในเหตุการณ์วันนั้น ถูกบันทึกโดยอัตโนมัติ ลงในสมองของผมด้วยความช็อก ผมยังจดจำและระลึกถึงเหตุการณ์วันนั้นอยู่เสมอ คล้ายเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน จริงๆ แล้วมันก็แค่ไข่ดาวฟองเดียว! แต่มันช่างสะท้อนสภาพทางการเงินของครอบครัวได้รูปธรรมยิ่ง

คำพูดของภรรยาเปรียบดังลูกถีบพุ่งเข้าใส่ใบหน้าอย่างจัง ผมน็อกเอ๊าต์ทันที ตาสว่างตื่นสู่โลกแห่งความจริง เกิดการหยั่งรู้ หรือ ‘Intuition’ อย่างเฉียบพลัน ผมค้นพบทางออกทันใด แสงสว่างส่องลอดเข้ามาจนถึงจิตใจ ผมสัมผัสถึงมวลอากาศสดชื่นอบอุ่น ที่แทรกอณูเข้ามาภายในถ้ำที่ผมสร้างขึ้นมาปิดกั้นตัวเอง เป็นระยะเวลานาน…

อ่านเพิ่มเติม

สมควรตาย

เรื่องสั้นเรื่อง ‘สมควรตาย‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๑๔ เมษายน ๒๕๕๕


ปัง!…

“เฮ้ย เสียงอะไรวะ!”

“ว้าย!”

“เกิดอะไรขึ้น!?”

“ใช่เสียงปืนหรือเปล่าเธอ?”

“เสียงวิทยุแม่งดังฟังชัดขึ้นมาเลย”

“มึงตลกให้ถูกเวลาหน่อย คนหันหน้ากันเลิ่กลั่กเลย ตกลงเสียงมันมาจากทางไหนวะ”

“นี่ตาแก่ กาแฟล้นแก้วแล้ว เออ นี่แกว่ามันเป็นเสียงปืนหรือเปล่า?”

1

“เฮ้ย เสียงอะไรวะดังเชียว?”

“เสียงเพลงชาติไงมึง ยืนตรงเคาพธงชาติเลย เนี่ยเขายืนกันทั้งตลาด”

“กูหมายถึงเสียงตะกี้นี้ อย่างกะใครจุดประทัดยักษ์ เล่นเอากูตื่นเลย”

“นี่มึงเพิ่งตื่นจริงหรือเอาหัวซุกใต้หมอนนอนต่อกัน? เรื่องมันเกิดมาตั้งหลายนาทีแล้ว”

“อ้ะ กาแฟและอาหารเช้าสไตล์ตลาดน้ำโบราณอายุกว่าร้อยปี มีที่นี่ที่เดียว ชิมแล้วจะติดใจ เอ้อ.. หนุ่มๆ ตะกี้นี่มันเหมือนกับมีใครเบื้องบนมากดปุ่ม ‘PAUSE’ ไว้เลยเนอะ เหมือนในเครื่องเล่นหนังเลย ทุกอย่างหยุดนิ่ง เหมือนโดนจอมยุทธสะกัดจุดกันทุกคน”

“แหม คนแตกตื่นเขาก็มีนะลุง ขนาดลุงเองยังรินกาแฟจนล้นแก้วโดนป้าแกบ่นใส่เลยนี่ แถมพอได้สติยังรีบวิ่งไปดูกับเขาเลย แล้วก็เดินหน้าจ๋อยกลับมา”

“เอ้า คราวนี้พวกมึงจะบอกได้หรือยังว่าตะกี้นี้มันเสียงอะไร มีใครยิงกันรึไง?”

“ไม่มีใครยิงกัน แต่เป็นยิงตัวเอง ส.ส.น่ะ ส.ส.ประชา ภิญโญศิริกุญชร แกฆ่าตัวตายในห้องพักที่โรงแรมตรงโค้งน้ำนู่นน่ะ เมียกับลูกๆ แกออกมาใส่บาตรพระ แกอยู่ในห้องคนเดียวเลยสบโอกาสโดน ซัด…โป้ง!”

อ่านเพิ่มเติม

ดอกไม้แห้งในต้นฤดูหนาว

เรื่องสั้นเรื่อง ‘ดอกไม้แห้งในต้นฤดูหนาว‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๒ มิถุนายน ๒๕๕๕


หลังวนรถขึ้นไปจอดยังชั้นเก้าของอาคารจอดรถ ผมลงลิฟต์มาพร้อมหนังสือเล่มบางเล่มหนึ่ง เดินวนไปตามทางเดินที่คุ้นเคย ลัดเลาะผ่านตึกผู้ป่วยนอกอันทันสมัย สู่ตึกผู้ป่วยในที่ยังคงอนุรักษ์บรรยากาศตั้งแต่สมัยผมยังเด็กเอาไว้ เก้าอี้นั่งพลาสติกหน้าห้องจ่ายยาว่างอยู่หลายตัว ผมนั่งลงเปิดหนังสืออ่าน กลิ่นยาตลบอบอวล เตียงและรถเข็นขนไข้ถูกเข็นไปมาขวักไขว่ เพราะห้องฉุกเฉินอยู่ถัดจากห้องจ่ายยาไม่มาก บางรายผมเผลอเหลือบดูต้องรีบก้มหน้าลงแทบไม่ทัน ผมเคยชินกับบรรยากาศที่นี่มานมนาน แต่ยังไม่ชินกับความป่วยไข้ทุกข์ทรมานของผู้ป่วย หลายรายร้องโอดครวญ หลายรายใบหน้านิ่งเหม่อลอย ราวดวงจิตเบื่อหน่ายกับร่างนี้จนอยากเปลี่ยนร่าง หรือไร้ร่างไปเสีย…

อ่านเพิ่มเติม

สีสันแห่งเสียง

เรื่องสั้นเรื่อง ‘สีสันแห่งเสียง‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕


ฉันพอจะจำเรื่องราวในวัยเด็กได้บ้าง ตอนนั้นฉันอายุสี่ขวบกว่ายังอาศัยอยู่ที่บ้านเก่า ขอเริ่มต้นที่ช่วงสุดท้ายก่อนที่ฉันจะย้ายมาอยู่ใกล้ที่นี่ ในเย็นวันหนึ่งที่พี่ชายกำลังเล่านิทานให้ฉันฟัง…

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในตอนเช้าที่แสงแดดยังไม่ทำให้รู้สึกร้อน ต้นสาเกต้นใหญ่หน้าบ้านสูงกว่าคนแปดคนยืนขี่คอกัน มีกระรอกน้อยสองตัวตัวยาวเท่าฝ่ามือวิ่งเล่นกันอยู่ กระรอกน้อยตัวแรกบ่นหิว กระรอกน้อยตัวที่สองจึงชวนไต่ลงไปกินน้ำในโอ่งดินเผาสูงเท่าหัวเข่า ที่ใส่น้ำเต็มโอ่ง รอบโอ่งและขอบโอ่งมีต้นมอสหน้าตาคล้ายหญ้าสั้นๆ ขึ้นคลุม เจ้ากระรอกน้อยตัวแรกยืนเกาะอยู่ขอบโอ่ง ก้มหน้าลงไปกินน้ำ จู่ๆ เหยียบมอสที่เปียกชื้นจึงเผลอลื่น ตกน้ำดังป๋อม! เจ้ากระรอกน้อยว่ายน้ำไม่เป็นร้องให้อีกตัวช่วย เจ้ากระรอกน้อยอีกตัวจึงยื่นมือลงไปช่วยดึงขึ้นมาได้ แล้วช่วยเอามือกดหน้าอกผายปอดให้ เจ้ากระรอกน้อยตัวแรกสำลักน้ำ จนน้ำพุ่งออกจากปากเหมือนน้ำพุ แล้วก็มีปลาหางนกยูงตัวเล็กว่านิ้วก้อยมีหางสีสวยหลายสี พุ่งออกมาจากปากด้วยหนึ่งตัว ตกลงมานอนดิ้นกระแด่วๆ เจ้ากระรอกน้อยทั้งสองตัวจึงนั่งมองว่าจะทำอย่างไรดี เจ้าตัวที่สองบอกให้จับกินเลย เจ้าตัวแรกบอกว่าไม่เอา มันหยึยๆ ลื่นๆ ไม่น่าอร่อย จึงตัดสินใจช่วยกันจับไปปล่อยในโอ่งเหมือนเดิม แล้วจึงวิ่งขึ้นต้นไม้ไปหาผลไม้ลูกไม้ทานเป็นอาหารเช้า…

“จบแล้วหรือคะพี่พาย?” ฉันถามพี่ชาย

“จบแล้วจ้ะพลอย ชอบมั้ย?”

“ชอบค่ะ แล้วทำไมเจ้ากระรอกตัวแรกถึงไม่ยอมกินปลาล่ะคะ พลอยยังชอบกินเลย”

“ก็ที่พลอยกินน่ะเป็นปลาที่เอาไปทำให้สุกแล้วไง เช่นเอาไปทอด เอาไปนึ่ง แต่ปลาหางนกยูงในนิทานยังไม่ตายเลย ดิ้นกระแด่วๆ แถมตัวก็เป็นเมือกลื่นๆ นี่ไง… เดี๋ยวจะให้พลอยลองจับดูนะ พี่เตรียมไว้แล้ว แบมือสิ”

ฉันแบมือขวาออกไป มีน้ำหยดใส่มือรู้สึกแปลกใจ พี่พายเอาอะไรสักอย่างวางบนมือ

“ว้ายยย… อะไรน่ะพี่พาย? ตัวอะไร? มันดิ้นๆ เปียกๆ ด้วย แล้วมันไปไหนแล้วล่ะ?” ฉันร้องตกใจ

“ปลาหางนกยูงไง เมื่อเย็นพี่ไปซื้อจากร้านขายปลามา เอามาใส่ขวดโหล มีอยู่สิบตัว ทีนี้รู้หรือยังว่าทำไมเจ้ากระรอกน้อยตัวแรกไม่กล้ากินปลาหางนกยูงที่ยังไม่ตาย?” พี่พายจับปลาหางนกยูงที่ดิ้นตกลงพื้นใส่ขวดโหลเหมือนเดิม

ฉันถูกอุ้มไปนั่งที่โต๊ะทานข้าว ตอนนั้นฉันยังเดินคนเดียวลำพังไกลๆ ไม่ถนัด พี่พายยังไม่ปล่อยให้ฉันเดินจากหน้าบ้านไปที่โต๊ะทานข้าวเอง วันนั้นพี่พายลงมือทอดไข่เจียวและผัดผักบุ้งเมนูโปรดของฉัน พี่พายตักข้าวใส่จานสองใบ จานขนาดปกติของพี่พาย และจานใบเล็กของฉัน ฉันกับพี่พายนั่งทานข้าวกันไปคุยกันไป ฉันจำได้ว่าฉันพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด ฉันใช้ช้อนน้อยๆ ตักไข่และผักบุ้งหกเลอะเทอะ ฉันตักข้าวป้อนเข้าปากบ้างเข้าแก้มบ้าง เม็ดข้าวหล่นลงตักลงโต๊ะหลายเม็ด พี่พายไม่ว่าอะไร แถมชมที่ฉันเริ่มตักข้าวทานคล่องขึ้น และกะระยะจานกับข้าวและจานข้าวได้แม่นขึ้น

“ว้าย ไข่ดิ้น” ฉันอุทานเมื่อไข่เอียงตกจากช้อน ฉันใช้มือคลำหาไข่บนพื้นโต๊ะจนเจอแล้วใช้ช้อนค่อยๆ ตักขึ้นใส่จานข้าว

พี่พายเล่าให้ฟังระหว่างทานข้าวว่า เขากำลังนึกถึงคำของหลวงพ่อที่เขาพาฉันไปถวายสังฆทานเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น จริงๆ ตอนนั้นฉันจำไม่ได้หรอกนะ ฟังก็ไม่รู้เรื่องด้วย พอโตขึ้นมาหน่อยพี่พายมาเล่าให้ฟังอีกที

“เป็นอย่างนี้ก็ดีอย่าง จะได้ไม่ต้องอยากไปรับรู้ภาพ นามรูปหมดไปหนึ่ง อายตนะภายในหมดไปหนึ่ง ผัสสะก็หมดไปหนึ่ง จากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หกอย่างก็เหลือเพียงห้าอย่าง เหตุแห่งทุกข์หมดไปหนึ่งช่องทาง โอกาสเกิดทุกข์ก็อาจน้อยลงกว่าคนที่ครบสามสิบสอง แถมเจ้า ‘ตา’ เนี่ยตัวดีเลยนะ ที่ชอบนำจิตไปเหนี่ยวนำจนเกิดทุกข์ คนที่มืดบอดด้วยกาย อาจมีความสุขกว่าคนที่มืดบอดด้วยทุกข์ ดูแลน้องดีๆ นะโยม”

อ่านเพิ่มเติม

ผักปลอดสาร

เรื่องสั้นเรื่อง ‘ผักปลอดสาร‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕


เสียงเครื่องปรับอากาศกำลังสำลักฝุ่น ไอค่อกแค่กรบกวนบรรยากาศคนในห้องเกือบแปดสิบคนมากว่าห้าสิบนาที นอกจากไอแล้วยังหายใจติดขัด พ่นลมรวยรินแผ่วเบา ผนังข้างหนึ่งติดทางเดินภายในอาคาร อีกข้างเป็นกระจกแผ่นขนาดใหญ่ติดฟิล์มกันความร้อนเรียงซ้อนติดกันทั้งผนัง คล้ายตามอาคารสำนักงาน แต่วันนี้แสงแดดข้างนอกแรงกล้าเกินฟิล์มจะต้านทาน ไม่มีเครื่องกีดขวางทางแสงใดๆ ไม่ว่าม่านหรือมู่ลี่ เพราะห้องนี้เพิ่งเปิดใช้งานเป็นวันแรกหลังจากเงียบเหงามากว่าสองเดือน อาจยังติดมู่ลี่หรือซักผ้าม่านไม่ทัน

นักศึกษาหลายคนที่นั่งใกล้กระจกหยิบสมุดขึ้นมาพัดบ้างบังแสงบ้าง หลายคนเหงื่อเริ่มผุดไหลย้อย

ซิม – อาจารย์พิเศษกำลังยืนสอนวิชาพื้นฐานการออกแบบซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ ยืนพูดคนเดียวอยู่หน้าห้องอย่างไม่รู้สึกร้อน วันนี้เป็นวันเริ่มเรียนวันแรกหลังเปิดภาคเรียนเทอมหนึ่งปีหนึ่งของนักศึกษาปริญญาตรี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาควิชาการออกแบบซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ หรือ คอมเมอร์เชียลซอฟต์แวร์ดีไซน์ ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง

เธอคือกำลังสำคัญที่วิ่งเต้นเพื่อให้มีสถาบันการศึกษาสักแห่งที่สนใจและยอมเปิดภาควิชานี้ขึ้น ด้วยความบกพร่องเล็กน้อยชองซิมที่มีคำหน้าชื่อแค่ ‘นาง’ ไม่ได้มีตัวย่ออย่าง ‘ศ.’, ’ผศ.’, ’รศ.’ หรือ ’ดร.’ และเธอจบเพียงปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแสนธรรมดาเท่านั้น จึงไม่มีสถาบันการศึกษาใดใส่ใจไอเดียและความตั้งใจของเธอนัก

แต่ด้วยชื่อเสียงในวงการด้านการออกแบบซอฟต์แวร์ให้กับองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ ภาคการเงิน โทรคมนาคม พลังงาน โรงพยาบาล ที่สั่งสมมายาวนาน ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาและวิทยากรพิเศษให้กับองค์กรต่างๆ มานับไม่ถ้วน จึงมีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งยอมใจอ่อน ทำเป็นมองไม่เห็นคำนำหน้าชื่อและวุฒิการศึกษาของเธอไปเสีย ให้เธอมาเป็นที่ปรึกษาช่วยวางหลักสูตร

เธอสังเกตว่าอธิการบดีไม่ได้ใส่ใจในหลักสูตรนี้เท่าใดนัก เพียงแต่ชื่อหลักสูตรและวัตถุประสงค์ดูน่าสนใจ น่าจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับมหาวิทยาลัยได้ไม่น้อย เพื่อจะได้เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันกับมหาวิทยาลัยในระดับเดียวกันได้ก้าวนำหน้าไปอีกก้าว

ซิมใช้เวลากว่าสองปีจนเข็นหลักสูตรผ่านขั้นตอนวิบากต่างๆ มาได้ จนได้เปิดในปีการศึกษานี้เป็นครั้งแรก เธออาสาขอสอนในวิชาพื้นฐานการออกแบบซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ให้เอง โดยไม่คิดค่าสอนแม้แต่บาทเดียว เพราะถ้าไม่ยื่นข้อเสนอแบบนี้ คงยากที่มหาวิทยาลัยจะยอมจ้างเธอ ด้วยวุฒิการศึกษาและการเมืองภายในคณะและมหาวิทยาลัยช่างเข้มข้นเหลือเกิน แต่กระนั้นเธอก็ยังโดนอาจารย์อาวุโสบางท่านเหลือบมองด้วยหางตาอยู่ดีเวลาต้องมาเจอหน้ากัน

ซิมสังเกตว่าเกือบชั่วโมงที่ผ่านมานักศึกษาหลายคนแสดงท่าทางเบื่อ ง่วง ด้วยอากาศที่ไม่เป็นใจอย่างนี้ กับเนื้อหาที่ฟังดูยากตั้งแต่เริ่มเรียน ศัพท์เฉพาะและศัพท์ภาษาอังกฤษล้นท่วมห้อง เธอชินกับการบรรยายให้ผู้ฟังอายุตั้งแต่สามสิบต้นๆ ยันห้าสิบกว่าฟังจนชิน ลืมไปว่าตอนนี้กำลังสอนเด็กอายุยังไม่พ้นยี่สิบดีเท่าไร อาจกลายเป็นการเริ่มต้นวิชาที่แสนเบื่อหน่ายไปได้ อีกสามสิบกว่านาทีจะหมดเวลา เธอตัดสินใจหยุดเนื้อหาหนักหัว แล้วสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย

นักศึกษามองไปยังฉากที่แสดงภาพที่ฉายจากโปรเจ็คเตอร์ติดเพดาน กำลังดับมืด ทิ้งไว้เพียงพื้นฉากขาวโล่ง

อ่านเพิ่มเติม

ไม่พร้อม

เรื่องสั้นเรื่อง ‘ไม่พร้อม‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕


สนกับต้นข้าว… หนุ่มสาวที่เพิ่งเปลี่ยนสถานะเป็นสามีภรรยาใหม่หมาด

สน… ชายหนุ่มอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี ฐานะก็ดี หน้าตาก็ยังดี เป็นสถาปนิกไอทีอิสระ แหล่งพำนักไม่ชัดเจนแล้วแต่งานและผู้จ้าง

ต้นข้าว… หญิงสาวน่ารักสดใส ขี้วิตก คิดมาก ที่บ้านเปิดร้านกาแฟหน้าตลาดที่หาดใหญ่ ต้นข้าวเป็นโปรแกรมเมอร์พัฒนาระบบอีอาร์พีให้กับโรงงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในหาดใหญ่

ทั้งสองเป็นแฟนกันตอนเรียนปริญญาโทที่สถาบันเอไอที ความรักเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างเงียบๆ หลังเรียนจบและต่างแยกย้ายกลับไปทำงาน ใครๆ นึกว่าทั้งสองใช้ความรักแลกเปลี่ยนกับใบปริญญาไปเรียบร้อย ไม่นานทั้งคู่ก็ประกาศแต่งงานช็อกเพื่อนๆ และหมู่ญาติ สนยอมย้ายไปอยู่กับต้นข้าวที่หาดใหญ่ เช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่ด้วยกัน นับเป็นแหล่งพำนักอย่างเป็นทางการครั้งแรกของสนในรอบหลายปี แต่งงานกันมาหลายเดือนแต่ทั้งคู่ยังมีงานพันธนาการตัวแน่น จนกระทั่งโครงการยักษ์ของสนปิดฉากลงพร้อมความสำเร็จและรายได้งวดสุดท้ายก้อนโต

สนจึงเริ่มวางแผนทริปฮันนีมูนหน้าหนาวขึ้น เขาเป็นผู้จุดประกายให้ต้นข้าว ว่าอยากจะไปฮันนีมูนที่ปางอุ๋ง

“ทำไมต้องปางอุ๋ง?” ต้นข้าวถามอย่างสงสัย

“ก็สนเจอต้นข้าวครั้งแรกที่นั่น ถ้าไม่มีวันนั้น ก็ไม่มีวันนี้เช่นกัน…”

อ่านเพิ่มเติม

กรวดน้ำ

เรื่องสั้นเรื่อง ‘กรวดน้ำ‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕


กริ๊งๆ… กริ๊งๆ… กริ๊งๆ เสียงตั้งปลุกจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปหยิบ กดปุ่มปิด ดูเวลาที่แสดงบนหน้าจอ ‘05:30’ ผมลุกจากเตียง เดินงัวเงียเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันจนสดชื่น กำลังจะออกจากห้องน้ำแวะฉี่เสียหน่อย ข้างนอกอากาศเย็น ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าหนาว เดี๋ยวออกไปแล้วปวดขึ้นมาจะลำบาก ออกจากห้องน้ำเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบลูกพลับมาสองลูกที่เพิ่งซื้อจากเดอะมอลล์มาเมื่อวาน และหยิบปลาหิมะที่แพ็กใส่โฟมออกมาจากช่องแช่แข็ง

เข้าครัวทำปลาหิมะย่างซีอิ๊ว เป็นเมนูง่ายๆ เพราะใช้ซีอิ๊วสำเร็จรูป ระหว่างรอเนื้อปลาสุก ผมหยิบลูกพลับใส่ถุงพลาสติกมัดหนังยางให้แน่น แล้วหันกลับไปทำปลาต่อ ไม่นานจึงเสร็จเรียบร้อย ตักใส่จานมาวางในบ้าน เปิดพัดลมเป่าแรงๆ ให้หายร้อนจัด แล้วตักใส่ถุงพลาสติกมัดหนังยางจนแน่น หยิบถุงปลาและถุงลูกพลับใส่ถุงผ้า เดินออกจากบ้าน ฝ่าอากาศเย็นไปใส่บาตรแถวหน้าหมู่บ้าน มีพระสงฆ์ยืนบ้างนั่งบ้างให้ผู้คนมาใส่บาตร

วันนี้วันพระ ผู้คนออกมาทำบุญและซื้อข้าวของกันมากกว่าปกติ เดินเบียดกันบนทางเท้าล้นออกมาเดินบนถนน ที่ปกติก็แคบอยู่แล้วมีแค่สองเลน แต่โชคดีที่ยังเช้าตรู่รถยนต์ยังไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นมอเตอร์ไซค์ พ่อค้าแม่ค้าเปิดแผงขายของมากกว่าปกติ ใกล้ๆ กันมีแผงขายผักสด แผงขายเนื้อหมูและสัตว์ทะเล รวมทั้งปลาน้ำจืด แม่ค้าทุบหัวปลาช่อนกันจะๆ ริมถนน เลือดกระเซ็นมาโดนขาเล็กน้อย ไม่ได้ใส่ใจเดี๋ยวค่อยกลับบ้านไปล้าง มุ่งหน้าต่อไปอีกไม่กี่ก้าว ถึงแผงขายดอกไม้ แม่ค้าจัดเป็นกำเรียบร้อย ชุดดอกไม้ทุกกำแซมด้วยดอกบัวสีสวย เป็นบัวหลวงสีชมพู สวยสดชื่นทุกกำ จึงไม่ต้องเลือกเลย ผมสุ่มหยิบขึ้นมากำหนึ่งแล้วควักเงินจ่ายแม่ค้า รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง เหลือบเห็นแผงค้าที่จัดชุดสำเร็จสำหรับใส่บาตร ผมเลือกมาหนึ่งถาด แต่ขอไม่เอาดอกไม้ แม้ค่าลดให้สิบบาท

ในถาดมีชุดกรวดน้ำมาให้ มีข้าวสวย แล้วมีกับข้าวอีกสองอย่าง ผัดวุ้นเส้นกับแกงส้ม และขนมถั่วเขียวต้มน้ำตาล บวกกับปลาหิมะย่างซีอิ๊ว และลูกพลับอีกสองลูก รู้สึกหนักๆ ผมสังเกตเห็นมีคนเหลือบมองสองอย่างหลังที่นำมาเอง คงสัยสัยว่าซื้อมาจากร้านไหน

ผมไม่ได้ออกมาใส่บาตรเกือบสองเดือน ปกติจะออกมาใส่บาตรให้แม่เป็นประจำ ช่วงที่ผ่านมาทำงานยันดึกบ่อย จึงตื่นเช้าไม่ไหว เมื่อคืนจึงรีบนอนเร็วตั้งแต่ยังไม่เที่ยงคืน เพราะตั้งใจจะตื่นแต่เช้าให้ได้ แม่ชอบทานปลาหิมะย่างซีอิ๊ว และลูกพลับสด เวลาพาแม่ไปทานอาหารญี่ปุ่น แม่ชอบสั่งเมนูนี้ เพราะไม่ค่อยได้ทานบ่อยนัก ส่วนลูกพลับก็นานๆ จะได้มีโอกาสซื้อทานที เมื่อวานเย็นเห็นว่าไม่ได้ใส่บาตรให้แม่นาน เลยลงทุนสำหรับเมนูโปรดของแม่หน่อยละกัน แต่หากให้ใส่บาตรด้วยเมนูแบบนี้บ่อยๆ คงหมดตัว แค่เนื้อปลาหิมะก็ห้าร้อยกว่าบาทแล้ว ลูกพลับอย่างดีอีกลูกละร้อยยี่สิบบาท แต่เอาน่ะนานๆ ที ดีกว่าใส่บาตรแบบส่งๆ สักแต่หยิบกับข้าวอะไรจากที่ร้านมาได้ก็หยิบๆ มา แล้วก็ใส่ๆ ลงไปในบาตรพระ

ผมเดินเข้าไปจะใส่บาตร แต่พระยังไม่ว่าง พระรูปอื่นก็มีคิวยาว ผมจึงยกถาดขึ้นเหนือหัว กล่าวอนุโมทนาบุญในใจ ประมาณว่าขอให้พระพุทธศาสนาเจริญยั่งยืน ดีใจที่ยังมีคนออกมาทำบุญใส่บาตรกันจำนวนมาก ใครที่กำลังใส่บาตรอยู่ขอให้ได้บุญได้กุศล… ยังกล่าวในใจไม่จบ ถึงคิวผมพอดี จึงรีบเข้าไปหยิบข้าว กับข้าว ขนม ผลไม้ ใส่บาตรและนำดอกไม้วางบนบาตร ผมเห็นหลวงพ่อเหลือบมองลูกพลับและปลาหิมะย่าง วันนี้หลวงพ่อจะได้มีอะไรแปลกๆ อร่อยๆ ฉันบ้างแล้วล่ะ ผมคิดว่าท่านคงมีเบื่อกับข้าวถุงบ้าง ที่มักแห้งแล้งและชืด

อ่านเพิ่มเติม

สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว

เรื่องสั้นเรื่อง ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕

 

มดดำกว่าสิบตัวกำลังไต่ขึ้นขาโต๊ะไม้เก่าตัวเล็ก ขึ้นไปจนถึงพื้นโต๊ะพบอุปสรรคคือจานรองน้ำ ที่มีน้ำท่วมขังราวคลองล้อมกำแพงเมือง โชคดีที่โต๊ะไม้ตั้งอยู่ชิดกำแพง พวกมันจึงไต่ขึ้นกำแพง แล้วไต่ต่อไปยังใบไม้หลายใบที่ยื่นยาวมาเบียดกำแพง พวกมันเดินดุ่มเพื่อไปให้ถึงแหล่งของกลิ่นอันน่าโอชะ กระทั่งไปถึงกระเปาะทรงเกือบกลมขนาดใหญ่กว่าลูกกอล์ฟไม่มาก ผิวภายนอกสีแดงเลือดนกมีลวดลายสีเขียวอมเหลืองด่างๆ กระจายทั่วผิว มีอยู่สี่กระเปาะ มากพอให้ไม่ต้องแย่งกัน เมื่อไต่ลงไปในกระเปาะ เท้าของพวกมันค่อยๆ ลื่น เกาะผิวกระเปาะไม่อยู่ ไหลตกลงไปด้านล่างที่มีน้ำใสเหนียวเล็กน้อย ดิ้นทุรนทุรายไม่นานพวกมันก็แน่นิ่งกันไปทีละตัวๆ

ชายชราอายุกว่าเจ็ดสิบเลี้ยงต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงไว้หนึ่งกระถาง เป็นพันธุ์ผสมระหว่าง N. ‘Viking’ กับ N. x hookeriana วางไว้บนโต๊ะไม้เก่าริมระเบียงห้องพักในคอนโดมิเนียมติดสถานีรถไฟฟ้า เขาติดตั้งระบบพ่นหมอกขนาดเล็กเพื่อให้ต้นไม้มีความชุ่มชื้นทั้งวัน ซึ่งเขาเองก็จะได้รู้สึกชุ่มชื้นไปด้วยยามมานั่งชื่นชมมันในยามว่าง

ได้กลับมาพักผ่อนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

วันหนึ่งกรรมการบริหารของบริษัทมีมติปลดเขาออกจากตำแหน่งซีอีโอ อันเนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ต้องการผลักดันคนของตนให้มาดำรงตำแหน่งนี้เพื่อเป็นดั่งมือเท้าแทน ซึ่งผู้ถือหุ้นใหม่ประเมินชายชราแล้วว่าน่าจะเป็นอุปสรรคมากกว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กิจกรรมของเขา

ชายชราไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ทดแทน ขอกลับไปพักผ่อนอยู่กับบ้านในช่วงชีวิตที่เหลือ

หลังสิ้นการประชุม กรรมการหลายคนเดินเข้ามาจับมือเขา

“พวกเราต้องขอโทษคุณวิวัฒน์วงศ์ด้วย พวกเราถูกกดดันมาอีกที หวังว่าคุณวิวัฒน์วงศ์คงเข้าใจและให้อภัย”

ชายชรายิ้มรับ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็เกินวัยเกษียณมาสิบกว่าปีแล้ว จะได้ถือโอกาสกลับไปพักผ่อนบ้าง”

เขาไม่รู้สึกโกรธเคืองกรรมการเหล่านั้น เพราะเห็นหน้ากันมากว่าสิบปี บางคนคุ้นเคยกันมายาวนานยิ่งกว่านั้น

กรรมการอาวุโสคนหนึ่งมีอายุมากกว่าเขาสามปีเดินเข้ามาตบไหล่ “สถาปัตยกรรมองค์กรและระบบการจัดการธรรมาภิบาลที่คุณวางไว้เมื่อหลายปีก่อนมันยอดเยี่ยมมาก หลังปรับโครงสร้างองค์กรและกระบวนการทำงานตอนนั้น มันทำให้ฐานรากบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

“ผมเชื่อว่าแม้ผมไม่อยู่แล้ว แต่กลไกอันเปี่ยมประสิทธิภาพเหล่านั้นจะสามารถขับเคลื่อนองค์กรไปด้วยตัวมันเองได้ โดยมีพนักงานที่ยอดเยี่ยมเป็นจักรเฟืองสำคัญ” เขายิ้มภูมิใจถึงความเหนื่อยยากเมื่อหลายปีก่อน…

เขาปฏิรูปองค์กรคร่ำครึอุ้ยอ้าย จนกลายเป็นองค์กรที่มีการบริหารจัดการอันทันสมัย กระฉับกระเฉงว่องไว มีกระบวนการตรวจสอบอันเข้มแข็ง ได้เป็นต้นแบบขององค์กรจำนวนมากในประเทศ เขาเป็นผู้นำแนวคิดนานามาปรับประยุกต์ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการแบบลีน, บาลานซ์สกอร์ดการ์ด, แผนที่ยุทธศาสตร์, การจัดการธรรมาภิบาล, การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและการบริหารลูกค้าสัมพันธ์, การตลาดรูปแบบใหม่ๆ, สถาปัตยกรรมองค์กร และการใช้ไอทีเพื่อสนับสนุนทุกกิจกรรมในองค์กรอย่างเต็มประสิทธิภาพและคุ้มค่าเงินลงทุน…

อ่านเพิ่มเติม

โลกซ้อนเหลื่อมของสังคมเลื่อนไหล

เรื่องสั้นเรื่อง ‘โลกซ้อนเหลื่อมของสังคมเลื่อนไหล‘ เป็นเรื่องสั้นในชุด ‘สิ่งมีชีวิตตกค้างในครอบครัว’

โดย ณรงค์ จันทร์สร้อย (encipher@yahoo.com), ๘ มิถุนายน ๒๕๕๕

‘สมจริง’ คือชื่อของเทวดาหนุ่มที่เพิ่งขึ้นบ้านใหม่ไปหมาดๆ เมื่อเช้านี้ ด้วยคุณงามความดีและโดยเฉพาะความสามารถด้านไอที เหล่าผู้นำเทวดาพยายามแย่งชิงวิญญาณเขาให้ขึ้นมารับใช้สวรรค์จากยมทูต ที่พยายามดึงเขาลงนรก ด้วยสาเหตุที่สมจริงเคยมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนสาวสมัยเรียนหนังสือ แต่เหล่าผู้นำเทวดาลงความเห็นว่า ด้วยความสามารถที่เขาใช้ช่วยเหลือผู้คนมามากมาย ด้วยการสร้างโปรแกรมจำนวนมากแจกฟรี และเผยแพร่ความรู้ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ และการใส่บาตรกับถวายสังฆทานเป็นประจำ นับเป็นกุศลใหญ่หลวง ซึ่งความสามารถของเขายังน่าจะนำมาใช้สนับสนุนกิจกรรมของเหล่าเทวดาคร่ำครึไม่ทันมนุษย์โลกซึ่งมีอยู่จำนวนมากได้ ยื้อยุดกันอยู่นานจนในที่สุดฝ่ายสวรรค์ก็ชนะ และได้วิญญาณสมจริงไปรับใช้

สมจริงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อวาน เขากำลังนั่งเขียนโปรแกรมสปายแวร์รุ่นใหม่ ที่สามารถเข้าไปฝังอยู่ในตัวมนุษย์ได้ จำลองตัวเองเป็นดั่งวิญญาณเร่ร่อนที่เข้าไปสิงร่างคน เพื่อสามารถอ่านจิตใจและขโมยข้อมูลจากการรับรู้ผ่านสัมผัสต่างๆ ของคนคนนั้น และทำหน้าที่ส่งข้อมูลเหล่านั้นกลับมายังศูนย์ข้อมูลกลาง ที่สามารถส่งคำสั่งกลับไปยังสปายแวร์จำนวนมากที่กระจายอยู่ เพื่อให้เข้าควบคุมระบบสมองและการสั่งการของมนุษย์คนนั้นๆ ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง… โดยทั้งหมดนี้ต้องไม่ให้พวกเขารู้ตัว!

โปรแกรมสปายแวร์นี้ยังสร้างไม่เสร็จ เนื่องจากสมจริงอดหลับอดนอนและไม่ได้ทานอาหารมาหลายวัน เขามัวแต่คร่ำเคร่งมากเกินไป เขาหวังให้โปรแกรมนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เพื่อใช้ติดตามและควบคุมประชาชนให้คิดและปฏิบัติภายใต้กรอบธรรมาภิบาลแห่งรัฐ แต่น่าเสียดายที่ผลงานของเขายังไม่เป็นที่ประจักษ์ก็มาตายเสียก่อน เทวดาประจำศาลตายายที่บ้านเห็นพฤติกรรมของเขามาโดยตลอด จึงรีบส่งข่าวถึงเบื้องบน ทันใดเหล่าผู้นำเทวดาเล็งเห็นประโยชน์ของโปรแกรมนี้และความสามารถของเขา จึงพยายามนำวิญญาณของเขาขึ้นสวรรค์ไปให้ได้

ภารกิจแรกของสมจริงที่ได้รับเมื่อเช้าคือสานต่อโปรแกรมนี้ให้เสร็จ โดยในเฟสแรกคือการส่งสปายแวร์ไปฝังในตัวมนุษย์ทุกคนบนโลก ให้ทำหน้าที่อ่านความคิดในสมอง และขโมยข้อมูลจากการรับรู้ผ่านสัมผัสของมนุษย์เหล่านั้นโดยเฉพาะจิตใจ แล้วส่งขึ้นมายังศูนย์ข้อมูลบนสวรรค์ ผ่านเครือข่ายความเร็วสูงไร้รูป ที่สามารถส่งข้อมูลมหาศาลได้ไวกว่าความเร็วแสงนับล้านเท่า เพื่อให้ทันกับการเกิด-ดับของจิตมนุษย์ ที่สามารถเกิด-ดับได้นับแสนนับล้านครั้งในหนึ่งวินาที

เทวดาองค์หนึ่งแอบมอบอิทธิฤทธิ์หนึ่งให้สมจริง คือความสามารถย่นเวลา จึงทำให้เขาเขียนโปรแกรมสปายแวร์นี้จนเสร็จในเวลาเพียงโลกโคจรรอบตัวเองหนึ่งรอบเท่านั้น

วันนี้คือวันชุมนุมเหล่าเทวดาจากทั่วทุกสารทิศ ประธานบอร์ดบริหารของเหล่าเทวดาโลกให้สัญญาณปล่อยสปายแวร์หลายล้านตัวลงไปฝังในตัวมนุษย์ทั่วโลก เพียงไม่ถึงห้านาทีสปายแวร์ทุกตัวก็ติดตั้งฝังในตัวมนุษย์ทั่วโลกสำเร็จ สปายแวร์ที่อยู่ในคนละร่างกันจะไม่รู้จักกันเอง การทดลองนี้จะทำให้เทวดาเบื้องบนติดตามจิตใจและพฤติกรรมมนุษย์ได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น หากผลทดลองออกมาดี เหล่ายมทูตในนรกก็จะพลอยได้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

สมจริงได้รับมอบหมายภารกิจต่อไปคือติดตามจิตใจและพฤติกรรมมนุษย์ทั่วโลก แล้วสรุปเป็นรายงานและกราฟ โดยแยกเป็นหมวดหมู่ให้เรียบร้อย เขาเชื่อว่าตนเองไม่สามารถทำได้แน่แม้จะได้เป็นเทวดาแล้วก็ตาม แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์ย่นเวลาได้ เขาจึงรีบเขียนโปรแกรมเพื่อบันทึกข้อมูลที่ถูกส่งมาจากสปายแวร์ทุกตัวบนโลกลงระบบฐานข้อมูล โดยเขาออกแบบโครงสร้างข้อมูลอันสลับซับซ้อนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถจัดเก็บและเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เขานั่งทำงานอยู่ในห้องปฏิบัติการขนาดยักษ์ที่มีเพียงเขาคนเดียว นั่งอยู่ท่ามกลางจอมอนิเตอร์หลายหมื่นจอเพื่อสลับดูข้อมูลมนุษย์ทั่วโลกโดยไม่ต้องรีบร้อน เพราะเขามีระบบบันทึกข้อมูลไว้ทำงานแทนเขาเรียบร้อย เขาเพียงแกล้งทำเป็นนั่งหน้ายุ่งจ้องมองจอต่างๆ แล้วก็เพลิดเพลินไปกับการรับชมนาฏกรรมชีวิตของมนุษย์ผ่านแต่ละหน้าจอเท่านั้น โดยที่ข้อมูลเหล่านั้นล้วนมาจากผลงานของเขานั่นเอง…

เรื่องที่ 1

ชายคนหนึ่งกำลังตั้งคำถามกับตนเองอย่างสงสัยว่า ทำไมภาพของปิกัสโซ่ในแต่ละช่วงอายุจึงแตกต่างกัน เขาดูภาพเหล่านั้นผ่านอินเทอร์เน็ตเบราเซอร์ ที่ดึงภาพต่างๆ ของปิกัสโซ่จากพิพิธภัณฑ์ชื่อดังมาแสดงบนหน้าจอ

ในช่วงเวลาแรกๆ ปิกัสโซ่วาดผู้ชายได้เป็นรูปธรรมมาก เมื่อเวลาผ่านไปปิกัสโซ่วาดรูปผู้ชายโดยมีรายละเอียดลดน้อยลงแต่ยังพอดูออกว่าเป็นผู้ชาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อปิกัสโซ่อายุมากขึ้น วาดรูปผู้ชายแต่กลับดูแทบไม่ออกว่าเป็นรูปผู้ชาย หรือแม้แต่แทบดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นรูปอะไร ถ้าไม่มีชื่อภาพเขาคงไม่รู้ว่านี่คือรูปวาดผู้ชาย

คำถามในใจของชายคนนั้นคือ ‘ทำไมเมื่อเวลาผ่านไปมุมมองของปิกัสโซ่จึงเปลี่ยนไป?’

สมจริงหันไปดูอีกหน้าจอ…

อ่านเพิ่มเติม